รักแรกพบ

ไม่ค่อยอยากจะเชื่อตัวเองสักเท่าไหร่ว่าทำไมเป็นคนใจง่ายปานนี้  อยู่ดีๆก็มีเรื่องให้เสียเงิน  แต่เป็นการเสียที่เต็มใจและดีใจอย่างมาก  หากพูดคำว่า “แผ่นเสียง” ก็คิดไว้แล้วว่าเก่า เชย  แต่มันคลาสิคมากสำหรับผมเอง  ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงทำให้คิดแบบนี้  อาจจะเป็นความเท่ห์  เท่ห์ที่เรามีของสะสมที่คนอื่นๆสวนใหญ่เขาไม่สนใจกัน  ผมซื้อแผ่นเสียงเก็บไว้บ้างเป็นบางแผ่น  ซึ่งมักจะได้มาจากร้านขายของเก่า  เป็นแผ่นที่ต้องไปคุ้ย ไปรื้อ ฝุ่นจับ มือเปื้อน  หลายแผ่นที่ได้มาก็อยู่ที่บ้านเพื่อน  เพราะได้มาแล้วไม่มีเครื่องจะเปิดเล่น  เลยฝากเพื่อนไว้  

วันนี้เดินเล่นในห้าง บังเอิญไปเจอร้้านขายแผ่นเสียงเปิดใหม่  ร้านขายแผ่นเสียงเปิดตัวขึ้นในห้างไอที  ห่างจากร้านไปยี่สิบเมตรเป็นร้านขาย mp3 ซีดีเถื่อน  มันดูเป็นปรากฏการณ์ที่น่าประหลาดใจ  ใครหนอช่างคิดช่างมั่นใจ  ผมยังไม่กล้าคิดเลยว่าธุรกิจแผ่นเสียงจะเกิดขึ้นในสถานที่แบบนี้ ณ พศ นี้  แต่มันก็มีให้เห็นจริงๆ  แล้วในร้านก็มีเครื่องเล่นแผ่นเสียงขายเสียด้วย  ปกติเครื่องเล่นแผ่นเสียงจะราคาแพงมาก  แพงกว่าเครื่องเล่นดีวีดีที่ดีที่สุดในโลกเสียอีก  นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมได้แต่ฝันว่าสักวันคงใจถึง มีเงินเยอะพอจะซื้อได้  แต่วันนี้ดันมีของถูกมาวางขาย  จะลังเลให้คนอื่นตัดหน้าไปทำไม  เลยตัดสินใจอุ้มกลับบ้านแล้วก็เอามาเปิดกับแผ่นที่สะสมไว้  ตอนหยิบแผ่นออกจากซอง แล้วค่อยๆวางลงไปให้มันได้ตำแหน่ง  ยกหัวเข็มมาวางบนแผ่นที่กำลังหมุน  แค่ตั้งท่าก็รู้สึกดีแล้ว  แต่คุณภาพเสียงที่ได้ก็ผิดหวังเล็กน้อย  แต่ทำใจได้เพราะว่ามันเป็นของถูก  ข้อด้อยเลยกลายเป็นข้อจำกัด  ข้อจำกัดคือสิ่งที่เรายอมรับ  ก็ยอมรับตั้งแต่แรกเห็นไปแล้ว  รักแรกพบนะเออ……..

พิพิธภัณฑ์

 

พิพิธภัณฑ์สยามมิวเซียม  สถานที่สวยงาม คลาสิค เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ดีที่สุดที่เคยไปเดินดู  เรื่องราวความเป็นไทยตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์  ความเกี่ยวข้องเชื่อมโยง  พัฒนาการ  ไปเดินเล่นสักสามชั่วโมงเหมือนได้อ่านบทคัดย่อวิทยานิพนธ์ของไทยที่ต่อเนื่องยาวนานหลายร้อยปี  ฝรั่งคนไหนมาเที่ยวเมืองไทย พามันมาเดินเล่นในนี้ แนะนำ แนะนำ

ตะเกียบเดียวดาย

เมื่อวานไปกินก๋วยเตี่ยวในห้าง ร้านลูกชิ้นปลาร้านใหญ่  คนเยอะ ที่นั่งเกือบเต็ม  สั่งก๋วยเตี๋ยวกินแก้หิว  พอเสิร์ฟปุ๊ป ก็หยิบตะเกียบ อ้าว  ทำไมมันมีอันเดียวล่ะ  อันอื่นอยู่กันเป็นคู่  ทำไมอันนี้ไม่มีคู่ล่ะ  ถ้ากระปุกตะเกียบเป็นกระปุกเซียมซีในวัด  อันที่ผมหยิบได้คงไม่ต้องเดินไปอ่านบนป้ายกระดาษแล้วมั้ง………..  

ภาพสวนสาธารณะที่สวยมากๆที่ผมเคยมี

ผมเดินสวนสาธารณะแห่งนี้ไม่บ่อยเลย  ไม่รู้ว่าเพราะมันขาดอะไรถึงไม่ค่อยเป็นตัวเลือกแรกๆในการแวะมาเดินเล่น  ภาพที่เคยถ่ายที่นี่ประมาณสองครั้งเป็นภาพที่ดูดีไม่แพ้ที่อื่น  บางภาพผมชอบอย่างไม่น่าเชื่อ  ภาพคุกเก่า กำแพง รั้วเหล็ก พร้อมต้นไม้ที่มีสีสันตัดกันพอดิบพอดี  ต้นไม้ที่นี่ไม่สวยเลิศ  รั้วก็ไม่ได้หรู  กำแพงก็ไม่ได้เด่น  แต่รวมๆกันแล้วมันน่ามองดี  สวนรมณีย์นาถ ใกล้ๆกับเสาชิงช้า

You got to find what you love

 

You’ve got to find what you love’ Jobs says

 

ไม่กี่วันหลังจากที่สตีฟ จ็อปส์เปิดตัวแผนการเปลี่ยนแปลงสำคัญของ Macintosh ที่จะเกิดขึ้นในอีก 2 ปีข้างหน้า ในงาน World Wide Developers Conference 2005 เขาไปกล่าวสุนทรพจน์ที่มหาวิทยาลัยแสตนฟอร์ดเนื่องในงานรับปริญญา สิ่งที่เขากล่าวนั้นน่าสนใจอย่างมาก เชิญติดตาม

“คุณต้องค้นหาสิ่งที่คุณรักให้พบ” จ็อปส์ว่าอย่างนั้น นี่เป็นสุนทรพจน์ที่กล่าวในงานรับปริญญาโดยสตีฟ จ็อปส์ CEO ของ Apple Computer และ Pixar Animation Studios เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2005 ที่ผ่านมา

 

ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้มาร่วม งานกับทุกคนวันนี้ในงานรับปริญญาของมหาวิทยาลัยที่ได้ชื่อว่าดีที่สุดในโลก ผมไม่เคยเรียนจบสูงขนาดนี้ มันเป็นความสัตย์จริง นี่เป็นระดับสูงที่สุดที่ผมสำเร็จจากสถาบันอุดมศึกษา วันนี้ผมอยากจะเล่าเรื่องเกี่ยวกับชีวิตของผมให้ฟังสัก 3 เรื่อง ไม่มีอะไรมาก แค่เรื่อง 3 เรื่อง

เรื่องแรกเป็นเรื่องของการเชื่อมต่อเรื่องราวต่างๆ

ผมตัดสินใจหยุดเรียนชั่วคราวหลังจากเข้าเรียนที่ Reed College ได้ประมาณ 6 เดือน แต่ก็ยังไปเรียนอยู่ประมาณ 18 เดือนก่อนที่จะลาออกจริงๆ ทำไมผมถึงเลือกที่จะหยุดเรียนชั่วคราวหล่ะ? เรื่องมันเริ่มตั้งแต่ผมเพิ่งลืมตามาดูโลกนี้ แม่บังเกิดเกล้าของผมขณะนั้นอายุยังน้อย ยังไม่ได้แต่งงาน และยังเรียนหนังสือระดับอุดมศึกษาอยู่ ท่านก็ตัดสินใจที่จะพาผมไปฝากเลี้ยงไว้สักที่หนึ่ง ท่านมีความตั้งใจอย่างแรงกล้าว่าต้องหาคนที่เรียนจบอุดมศึกษามาเลี้ยงดูผม ท่านจึงทำทุกอย่างให้ผมได้อยู่กับทนายความท่านหนึ่งกับภรรยาของเขาตั้งแต่ผม เกิด แต่ปรากฏว่าท่านทั้งสองต้องการลูกสาวมากกว่า จึงต้องเปลี่ยนไปเลือกครอบครัวอื่นที่อยู่ในรายชื่อ กลางดึกคืนนั้นแม่ของผมโทรไปหาและถามว่า “เรามีเด็กชายแรกเกิด คุณต้องการเลี้ยงเขาไหม?” ปลายทางตอบตกลง แต่แม่บังเกิดเกล้ามาพบทีหลังว่าแม่ใหม่ของผมไม่ได้จบระดับอุดมศึกษา แถมพ่อใหม่ของผมก็ไม่ได้จบมัธยมด้วยซ้ำ ท่านจึงไม่ยอมลงนามในเอกสารส่งตัวผม จนหลายเดือนต่อมาท่านจึงยอมเมื่อพ่อและแม่ใหม่ของผมสัญญาว่าจะส่งเสียให้ผม ได้เรียนจนถึงระดับอุดมศึกษา

 

17 ปีผ่านไป ผมได้เข้าเรียนในสถาบันอุดมศึกษาจริงๆ แต่ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของผม ผมเลือกที่จะเรียนในที่ที่ค่าเล่าเรียนแพงพอๆ กับ Stanford เงินเก็บของผู้ปกครองของผมที่สะสมมาต้องนำมาจ่ายเป็นค่าเล่าเรียน เมื่อผ่านไป 6 เดือน ผมไม่เห็นว่ามันจะได้อะไร ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมต้องการอะไรในชีวิต ไม่รู้เลยว่าสถาบันอุดมศึกษาแห่งนี้จะช่วยให้ผมรู้อะไรมากขึ้น และผมก็กำลังใช้เงินที่ผู้ปกครองของผมเก็บสะสมมาตลอดทั้งชีวิตของท่าน ผมจึงตัดสินใจที่จะหยุดเรียนชั่วคราว และเชื่อมั่นว่านั่นเป็นการดี ผมรู้สึกกลัวเหมือนกันขณะนั้น แต่เมื่อมองถอยกลับไป นั่นเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตของผม เมื่อผมเลือกที่จะหยุดเรียนจากหลักสูตรปกติ ผมสามารถเลือกที่จะไม่เรียนวิชาที่ผมไม่สนใจ แล้วเริ่มเสาะหาที่เรียนเฉพาะวิชาที่ผมสนใจเท่านั้นพอ มันไม่ง่ายอย่างที่คิด ผมไม่มีแม้หอพัก ผมต้องนอนที่พื้นห้องของเพื่อน ผมต้องหาขวดน้ำอัดลมเปล่าไปแลกเงิน 5 เซนต์เพื่อซื้ออาหาร ทุกคืนวันอาทิตย์ผมต้องเดินข้ามเมืองเป็นระยะทางกว่า 7 ไมล์เพื่อไปรับประทานอาหารดีๆ ที่โบถส์ Hare Krishna ผมชอบมาก และเมื่อผมได้เดินตามความอยากรู้อยากเห็นและความคิดชอบแล้ว มันเป็นประสบการณ์ที่สูงค่ายิ่งนักในเวลาต่อมา ผมจะยกตัวอย่างให้ฟังสักเรื่อง

 

ที่ Reed College ขณะนั้นมีหลักสูตรการออกแบบตัวอักษร (Calligraphy) ที่ดีที่สุดในประเทศ ตัวหนังสือที่พบเห็นได้อยู่ทั่วไปในที่นั่น ไม่ว่าจะเป็นโปสเตอร์ หรือป้ายหน้าลิ้นชัก จะเป็นตัวหนังสือสวยๆ ที่ประดิบประดอยด้วมมือ และขณะนั้นผมยังพักการเรียนอยู่ ผมไม่ต้องเข้าเรียนตามปกติ ผมจึงเลือกที่จะไปเรียนเรื่องการออกแบบตัวอักษร ผมต้องเรียนตัวอักษรทั้งแบบเซอรี (serif) และ ซอง เซอรี (san serif) การเลื่อนไหลของแบบตัวหนังสือ และการทำให้ตัวอักษรนั้นดูดีที่สุด มันสวยงาม มันน่าประทับใจ มันเป็นศิลปะในแบบที่อธิบายไม่ได้ด้วยวิทยาศาสตร์ และผมตกหลุมรักมันเข้าแล้ว นี่ไม่ได้เป็นเรื่องที่ผมไฝ่ฝันว่าจะนำมาใช้ในชีวิตผม แต่สิบปีให้หลัง เมื่อครั้งที่ผมและทีมงานกำลังออกแบบเครื่อง Macintosh เครื่องแรกอยู่นั้น มันก็ผุดขึ้นในหัวของผมอีกครั้ง ผมและทีมงานจึงบรรจุมันไว้ในเครื่อง Mac ด้วย มันเป็นคอมพิวเตอร์เครื่องแรกที่ใช้ตัวหนังสือที่สวยงาม ถ้าผมไม่ได้เลือกเรียนวิชานั้น เครื่อง Mac ก็จะไม่มีตัวหนังสือหลายๆ รูปแบบ แถมยังมีช่องไฟที่เปลี่ยนไปตามแบบตัวอักษร (proportionally spaced fonts) ขณะที่ Windows เองก็ทำได้เพียงเลียนแบบ Mac ก็จะไม่มีคอมพิวเตอร์เครื่องไหนมีแบบนี้เลย และถ้าผมไม่ได้พักการเรียนชั่วคราว ผมก็คงจะไม่ได้เข้าเรียนวิชานั้น และคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลบนโลกนี้ก็จะไม่มีตัวหนังสือสวยๆ ให้ใช้ แน่นอนว่ามันไม่อาจจะเชื่อมโยงเรื่องราวต่างๆ ได้เลย ถ้าผมยังเรียนหนังสือแบบเดิม มันชัดเจนมากเมื่อมองย้อนกลับไปสัก 10 ปี และเช่นกันคุณจะไม่สามารถเชื่อมโยงเรื่องราวไปในอนาคตอีก 10 ปีข้างหน้าได้เลย คุณทำได้แค่เพียงมองย้อยกลับไปในอดีต ดังนั้นคุณต้องเชื่อมั่นว่าเรื่องราวมันจะเชื่อมโยงไปถึงอนาคต คุณต้องเชื่อในบางสิ่งบางอย่าง ไม่ว่าจะเป็นกึ๋นของคุณเอง พรหมลิขิต หรือแม้แต่กรรมของคุณ แนวคิดนี้ไม่เคยทำให้ผมท้อถอย มีแต่จะทำให้สิ่งต่างๆ มากมายเกิดขึ้นในชีวิตของผม

 

เรื่องที่สองเรื่องของความรักและการสูญเสีย

ผมโชคดีครับ ผมได้พบสิ่งที่ผมรักที่จะทำแต่เนิ่นๆ Woz (Steve Wozniak – ผู้แปล) และผมก่อตั้ง Apple ขึ้นในโรงรถที่บ้านของผม เมื่อครั้งผมอายุประมาณ 20 เราทำงานกันอย่างหนัก ภายในเวลา 10 ปี Apple เติบโตขึ้นจากเราแค่ 2 คนในโรงรถ เป็นบริษัทที่มีมูลค่าถึง 2 พันล้านเหรียญ กับพนักงานถึง 4000 คน เราได้เปิดตัวนวัตกรรมที่ดีที่สุด นั่นคือ Macintosh ก่อนที่ผมจะอายุเต็ม 30 ด้วยซ้ำ จากนั้นผมก็ถูกกดดันให้ลาออก ผมจะถูกไล่ออกจากบริษัทที่ผมสร้างขึ้นมาได้อย่างไร? ครั้งนั้น Apple เติบโตขึ้น เราต้องจ้างใครบางคนที่โดดเด่นพอมาบริหารบริษัทคู่กับผม ในช่วงปีแรก ทุกอย่างไปได้สวย แต่วิสัยทัศน์ของเราก็เริ่มขัดแย้งกัน และเราก็เริ่มตกต่ำ เมื่อเราเริ่มเดินหน้า คณะผู้บริหาร (Board of Directors) เห็นด้วยกับเขา ผมจึงต้องจากไป เมื่อผมอายุแค่ 30 เท่านั้น ต้องจากไปจากสังคมนี้ สิ่งที่ผมตั้งใจจะทำสำหรับชีวิตวัยทำงานของผมหายไปหมด มันแย่สุดๆ เลย ผมไม่รู้จะทำอะไรต่อในช่วงสองสามเดือนแรก ผมรู้สึกว่าผมได้ทำให้นักธุรกิจรุ่นก่อนหน้าผมผิดหวังว่าเมื่อเขาอุตสาห์ส่ง ไม้ต่อให้แล้ว ผมดันทำมันหลุดมือไป ผมได้พบกับ David Packard และ Bob Noyce และพยายามขอโทษในสิ่งที่ผมทำพลาดไป ผมทำให้อะไรๆ มันแย่ไปหมด แต่ก็ยังมีบางสิ่งบางอย่างเริ่มทำให้ผมมีความหวัง ผมยังรักในสิ่งที่ผมได้ทำไป มันเป็นโอกาสที่ Apple ไม่เคยจะเหลียวมอง ผมถูกปฏิเสธ แต่ผมยังรักมันอยู่ ผมจึงคิดที่จะเริ่มมันใหม่อีกครั้ง ผมยังไม่เข้าใจอะไร แต่เหมือนกับว่าการที่ผมต้องออกจาก Apple นั้นเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เกิดขึ้นกับผม ความรู้สึกหนักใจที่จะต้องประสบความสำเร็จกลับกลายเป็นความสบายใจที่จะเป็น ผู้เริ่มต้นทำอะไรใหม่อีกครั้ง ไม่มั่นใจอะไรมากเกินไป มันทำให้ผมเข้าสู่ช่วงที่ผมได้สร้างสรรสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิต ในช่วง 5 ปีต่อมา ผมเริ่มก่อตั้งบริษัท NeXT และ Pixar แถมยังได้ตกหลุมรักผู้หญิงคนหนึ่งที่ในที่สุดก็ได้อยู่กินด้วยกัน Pixar ได้สร้าง Toy Story ภาพยนต์เรื่องแรกที่สร้างด้วยคอมพิวเตอร์ และเป็นบริษัทในวงการที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลก และในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ Apple ก็ซื้อกิจการ NeXT ผมก็กลับมาทำงานที่ Apple โดยมีเทคโนโลยีที่เราพัฒนาขึ้นที่ NeXT เป็นหัวใจสำคัญของ Apple ยุคใหม่ ส่วน Laurene และผมก็มีชีวิตครอบครัวที่วิเศษมาก ผมค่อนข้างมั่นใจว่า ถ้าผมไม่ได้ออกจาก Apple ขณะนั้น เรื่องราวเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้น มันเป็นเหมือนยาขม แต่ผมว่าคนไข้ก็ต้องการมัน บางครั้งคุณก็ถูกเขกหัวด้วยก้อนอิฐอย่างจัง อย่าเพิ่งหมดศรัทธา ผมอยากบอกว่าสิ่งเดียวที่ทำให้ผมยังเดินหน้าต่อไปก็คือผมรักในสิ่งที่ทำ คุณต้องค้นหาสิ่งที่คุณรักให้พบ มันสำคัญอย่างมากถ้างานของคุณเป็นไปเพื่อคนที่คุณรัก งานของคุณต้องเข้าไปเป็นส่วนสำคัญส่วนใหญ่ๆ ส่วนหนึ่งของชีวิต และทางเดียวที่จะสร้างงานที่ยิ่งใหญ่ได้คือรักในสิ่งที่คุณทำ ถ้าคุณยังหาไม่เจอ จงหาต่อไป อย่าหยุดยั้ง ด้วยแรงใจทั้งหมด คุณจะรู้เองเมื่อพบมัน มันเหมือนเรารู้จักใครสักคน มันจะดีขึ้นไปเรื่อยๆ เมื่อกาลเวลาผ่านไป ดังนั้นคุณต้องหาจนกว่าจะพบ อย่าหยุดยั้ง

 

เรื่องที่สามเป็นเรื่องเกี่ยวกับความตาย

เมื่อผมอายุราว 17 ผมได้อ่านประโยคเด็ดในทำนองว่า ถ้าคุณใช้ชีวิตราวกับว่าแต่ละวันนั้นเป็นวันสุดท้ายของชีวิต วันหนึ่งคุณจะสมหวัง ผมประทับใจมาตลอด 33 ปี ทุกเช้าผมจะมองกระจกและถามตัวองว่า ถ้าวันนี้เป็นวันสุดท้าย ผมอยากทำอะไร และวันนี้ผมจะทำอะไร? และเมื่อใดที่คำตอบกลับมาว่า ไม่อยากทำอะไร หลายๆ วันเข้า คุณต้องรู้แล้วว่าคุณต้องเปลี่ยนแปลงบางอย่างในชีวิตแล้ว การใช้มรณานุสติเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้ผมตัดสินใจเรื่องใหญ่ของ ชีวิต เพราะสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นความคาดหวังจากผู้คนทั้งหลาย เกียรติยศชื่อเสียงทั้งปวง ความกลัวที่จะเสียหน้าหรือกลัวที่จะล้มเหลว มันก็จะหายไปเมื่อเราตาย เหลือไว้เพียงเรื่องที่สำคัญจริงๆ มรณานุสตินี่เองที่จะช่วยให้คุณหลบหลีกกับดักทางความคิดที่ว่าคุณไม่อยากจะ สูญเสียอะไร จริงแล้วคุณไม่มีอะไรติดตัวเลย จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่คุณจะไม่ทำอะไรตามที่ใจคุณต้องการ เมื่อปีที่แล้วผมตรวจสุขภาพพบว่าเป็นมะเร็ง ผมเข้ารับการตรวจประมาณ 7 โมงครึ่ง และผลออกมาชัดเจนว่ามีเนื้อร้ายที่ตับอ่อนของผม ผมไม่รู้แม้กระทั่งว่าตับอ่อนคืออะไร คุณหมอบอกกับผมว่ามะเร็งชนิดนี้รักษาไม่หาย และผมจะอยู่ได้ไม่เกินสามถึงหกเดือน คุณหมอแนะนำว่าให้กลับบ้านแล้วสะสางเรื่องส่วนตัวให้เรียบร้อย เหมือนเป็นสัญญาณให้ผมเตรียมตัวตาย มันดูเหมือนจะให้ผมเล่าเรื่องราวต่างๆ ที่ผมคิดไว้สำหรับ 10 ปีจากนี้ไปให้เด็กๆ ฟังให้หมดภายในสองสามเดือน มันเหมือนว่าให้เตรียมทุกอย่างให้พร้อมสำหรับครอบครัวของคุณ มันเหมือนให้เตรียมที่จะลาจากไป ผมครุ่นคิดแต่เรื่องผลการตรวจตลอดทั้งวัน ในช่วงเย็นวันนั้น ผมต้องตัดชึ้นเนื้อไปตรวจ โดยการสอดกล้องเข้าทางปาก ผ่านคอไปยังกระเพาะและลำไส้ จากนั้นก็ใช้เข็มเจาะเข้าที่ตับอ่อนเพื่อเอาตัวอย่างเนื้อเยื่อจากเนื้อร้าย นั้น ผมรู้สึกสงบนิ่ง แต่ภรรยาของผมที่อยู่ด้วยเล่าให้ฟังว่าเมื่อคุณหมอส่องกล้องตรวจดู เนื้อเยื่อนั้นแล้วก็เริ่มวิตกกังวล เพราะมันเป็นมะเร็งตับอ่อนที่ไม่แน่ใจว่าจะรักษาได้ด้วยการผ่าตัด ในที่สุดผมก็เข้ารับการผ่าตัด และตอนนี้ผมก็สบายดี มันเป็นช่วงเวลาที่ผมเข้าใกล้ความตายที่สุด และผมก็หวังว่าจะไม่ใกล้ไปกว่านี้อีกสำหรับอีกสิบยี่สิบปีข้างหน้า เมื่อผ่านช่วงนั้นมาได้ ผมก็นำมาเล่าให้คุณฟังได้เต็มปาก มันไม่เพียงเป็นประโยชน์ มันเป็นเรื่องของหลักคิดดีๆ อีกด้วยว่า ไม่มีใครอยากตาย แม้กระทั่งคนที่อยากไปสวรรค์ก็ยังไม่อยากตายเพื่อจะไปที่นั่น อย่างไรก็ดี ความตายเป็นจุดหมายปลายทางที่เรามีร่วมกัน ไม่มีใครหลีกเลี่ยงไปได้ มันเป็นเรื่องของธรรมชาติ เพราะความตายนั้นเรียกได้ว่าเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่วิเศษสุดของชีวิต มันเป็นเหมือนเครื่องมือเปลี่ยนชีวิต มันสะสางคนรุ่นเก่าเพื่อเปิดทางให้คนรุ่นใหม่ ขณะนี้พวกคุณนั่นเองคือคนรุ่นใหม่ แต่วันหนึ่งไม่นานจากนี้ไป คุณก็จะค่อยๆ กลายเป็นคนรุ่นเก่าที่จะต้องถูกสะสาง ขออภัยถ้ามันดูเหมือนหนังชีวิตไปหน่อย แต่มันก็เป็นเรื่องจริง คุณมีเวลาจำกัด ดังนั้นอย่าเสียเวลาไปกับการใช้ชีวิตแบบคนอื่น อย่าตกหลุมลัทธิความเชื่อที่ว่าต้องใช้ชีวิตอย่างที่ผู้คนเขาคิดกันว่าควรจะ เป็น อย่าปล่อยให้ความคิดของคนอื่นเข้ามารบกวนเสียงจากใจของคุณ (inner voice) และที่สำคัญที่สุด คุณต้องมีความกล้าที่จะทำตามหัวใจและการหยั่งรู้ (intuition) ของคุณ ที่จะช่วยให้คุณบรรลุสิ่งที่คุณต้องการจะเป็นจริงๆ แล้วก็ปล่อยให้เรื่องอื่น
ๆ นั้นเป็นเรื่องรองไป

 

เมื่อ ครั้งที่ผมยังเด็กอยู่ มันหนังสืออยู่เล่มหนึ่งชื่อ The Whole Earth Catalog มันวิเศษมาก มันเป็นเหมือนคัมภีร์สำหรับคนรุ่นผมเลยก็ว่าได้ เขียนโดย Stewart Brand ผู้อยู่แถวๆ Menlo Park นี่เอง เขาสร้างมันขึ้นอย่างมีศิลปะ เวลานั้นราวๆ ช่วงปลายของทศวรรษ 1960 ก่อนจะมีเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล และระบบการพิมพ์ตั้งโต๊ะ (desktop publishing) เขาใช้การพิมพ์ด้วยพิมพ์ดีดธรรมดา กรรไกร และกล้องโพราลอยด์ มันดูเหมือน Google ในแบบที่เป็นหน้ากระดาษ หลังจากนั้น 35 ปี Google ก็เกิดขึ้น มันเป็นเหมือนอุดมคติ สร้างขึ้นด้วยเครื่องมืออันปราณีตและความคิดอันยิ่งใหญ่ Stewart และทีมงานผลิต The Whole Earth Catalog อยู่หลายฉบับ และเมื่อครบถ้วนแล้ว พวกเขาก็ออกฉบับสุดท้าย เวลานั้นก็ราวๆ ช่วงกลางทศวรรษ 1970 แล้ว ที่ปกหลังของฉบับสุดท้ายมีรูปถ่ายของถนนในชนบทตอนรุ่งเช้า แบบที่คุณคงเคยโบกรถไปเที่ยว ถ้าคุณชอบผจญภัย ใต้รูปนั้นมีคำพูดว่า จงใฝ่รู้อยู่เสมอ จงทำตัวโง่อยู่เสมอ (Stay Hungry. Stay Foolish.) มันเป็นคำบอกลาของพวกเขา และผมก็หวังที่จะเป็นอย่างนั้น และขณะนี้พวกคุณเพิ่งสำเร็จการศึกษา กำลังเป็นคนรุ่นใหม่ ผมก็หวังว่าคุณจะเป็นเช่นกัน จงใฝ่รู้อยู่เสมอ จงทำตัวโง่อยู่เสมอ

ขอบคุณทุกๆ คนครับ

 

ลำโพงที่ตามหามานานแสนนาน

เครื่องเสียงเป็นสิ่งที่ผมชอบไม่น้อยไปกว่ากิจกรรมอื่นๆ แต่ด้วยความที่งบประมาณจำกัด พ่อไม่ได้ขายมือถือ และไม่ใช่คนที่สามารถสั่งรถถังออกมาวิ่งเล่นได้เลยต้องบริหารเงินในการซื้ออย่างคุ้มค่าที่สุด กว่าจะได้มาแต่ละชิ้นผมเลือกแล้วเลือกอีก แม้ว่าบางชิ้นจะใจง่ายซื้อมาบ้าง แต่ก็รู้อยู่แก่ใจว่าไม่ได้รักหรือหวงเต็มที่

โชคดีถัดมาก็คือ ไม่มีเครื่องเสียงใดๆที่ดีที่สุดในโลก ของแพงไม่จำเป็นต้องดีเสมอไปและของถูกก็ไม่จำเป็นต้องห่วยตลอดกาล หลายสิ่งหลายอย่างในเครื่องเสียงเป็นเรื่องของ “จริต” ถูกจริต หรือ ไม่ถูกจริต เหมือนรสชาดอาหาร บางคนชอบหวาน บางคนชอบรสจัด บางคนชอบจืดๆหน่อยเพราะรสจืดทำให้กินได้นานไม่เลี่ยน

IMG_20170203_134602

ลำโพงคู่หนึ่งได้มา อยู่ในความครอบครองของผมเมื่อหลายปีก่อน เป็นลำโพงขนาดยักษ์โอบไม่รอบ จะย้ายแต่ละครั้งต้องวอร์มอัพร่างกายก่อนไม่งั้นกระดูกจะทับเส้นประสาทเอาง่ายๆ  ลำโพงคู่นี้เสียงดีถูกใจผมตลอดเวลาที่สนใจและติดตามวงการเครื่องเสียงมา  เมื่อก่อนตอนมีเวลาว่างจะตามไปขอฟังที่โชว์รูมหลายแห่ง ไปงานแสดงเครื่องเสียงทุกปี เห็นเซลล์ขายเครื่องเสียงบางคนย้ายบริษัทมาสามแห่ง ปีก่อนอยู่ที่หนึ่ง ปีถัดมาย้ายไปอยู่อีกบริษัท ล่าสุดย้ายไปอยู่อีกที่แล้ว เปลี่ยนบริษัทที่ทำงานไปพร้อมกับสีผมที่มีสีขาวประปรายมากขึ้น ไม่รู้ว่าผมอายุเยอะขึ้นเลยทำให้ความสามารถในการรับรู้แย่ลงหรือไม่ เพราะตั้งแต่เริ่มมีเงินจะซื้อเครื่องเสียงที่มีราคาสักหน่อย ผมก็ไม่เคยได้พบเครื่องเสียงคุณภาพถูกใจในราคาสบายกระเป๋าอีกเลย แต่กับลำโพงที่พูดถึงมันให้เสียงที่ไม่กล้าตีราคา ผมรู้ว่ามันไม่ถึงแสนบาทหรอก แต่ก็รู้สึกว่ามันคงไม่ใช่แค่ไม่กี่หมื่น ผมหน้าด้านขอลำโพงคู่นี้มาจากรุ่นพี่ที่รู้จักกัน เขาเป็นคนทำงานในห้องบันทึกเสียง ผมตามไปสอดรู้สอดเห็นในห้องอัด ไปลองใช้ของ ไปลองฟังเล่นๆเพลินๆ ลำโพงคู่นี้มันสะดุดหูอย่างมาก สุดท้ายพอห้องอัดเลิกกิจการ ผมเลยลองขอมาใช้ ท่านพี่ก็ให้มา มันก็เลยมานอนร้องเพลงอยู่ในห้องนอนผมหลายปี

รูปถ่าย0119

ตลอดเวลาที่ใช้งานมัน ก็ร้องเพลงได้ดีไม่มีอู้ เพลงอะไรมันก็ร้องออกมาเพราะไปหมด ผมภูมิใจที่ได้ครอบครองแต่ก็รู้อยู่แก่ใจว่ามันไม่ใช่ของผม เมื่อไรที่เขาเรียกคืน ผมก็ต้องคืนนักร้องคู่นี้กลับไป หลายปีที่ผ่านมาระหว่างที่ใช้งาน ผมก็ตามหาลำโพงที่จะมาแทนตัวโปรดอยู่เหมือนกัน เพราะผมไม่สามารถจะซื้อยักษ์คู่นี้ได้ นั่นจึงเป็นที่มาของการค้นหา ลำโพง… ที่ผมเอื้อมถึงและชอบจริงๆ

มีอยู่ช่วงเวลาหนึ่งที่ผมไปหลง ไหลกับลำโพงเล็กมหัศจรรย์ยี่ห้อดัง ถึงกับจะฝากเพื่อนซื้อจากเมืองนอก แต่ก็โชคดีที่ยังไม่ได้มีการหิ้วเข้ามา เพราะดันบังเอิญไปเจอประกาศขายของ เป็นลำโพงยี่ห้อเดียวกับยักษ์ในห้องนอนผม  เป็นลำโพงรุ่นที่เล็กลงมา  ผมค้นหาข้อมูลจากอินเทอเน็ตจนค่อนข้างมั่นใจว่าเสียงมันน่าจะใกล้เคียงกันมาก  หากจะแตกต่างก็คงต่างกันแค่เจ้ายักษ์มีเสียงที่ดังกว่า แต่การใช้งานลำโพงเพื่อฟังเพลง เราไม่ได้เปิดดังแบ่งข้างบ้าน เรื่องความดังเลยไม่ใช่ประเด็นที่จะเอามาคิด

ผมนัดไปหาที่บ้านคน ประกาศขาย ตามไปขอฟังให้แน่ใจว่ามันยังมีสภาพปกติส่งเสียงได้เหมือนที่คาดไว้ ผมลงทุนยกเครื่องขยายเสียงระบบหลอดสูญญากาศที่จะใช้งานกับมันติดตัวไปด้วย  ยกไปลองต่อเพื่อฟังให้ได้ยินกับหูว่าเสียงมันเป็นอย่างไร ห้านาทีจบลงกับเพลงที่ผมเลือก ผมยิ้มออกทันทีว่า นี่แหละ ตัวตายตัวแทน ก็เลยได้อุ้มลำโพงคู่ใหม่เข้าบ้าน พอเอามาฟังเทียบกับตัวใหญ่ก็รู้สึกได้ว่า ผมตัดสินใจไม่ผิด

ความ สุขจากการฟังเพลงมีมากแค่ไหนทุกคนก็คงมีคำตอบอยู่ในใจ ผมก็มีความสุขไม่ต่างกัน แต่ผมได้ความสนุกมากกว่าเล็กน้อยตรงที่ผมได้ค้นหา ได้ตามไปลอง และได้มา …… มันรู้สึกดีครับ

ต่อยอด ต่อยอด ต่อยอด

 

ประมาณสามอาทิตย์ที่ผ่านมาไม่ค่อยมีสมาธิที่จะทำงานในส่วนของโรงพิมพ์สัก เท่าไร อาจจะเป็นความขี้เกียจที่ค่อยๆพอกขึ้นมา และอีกปัจจัยนึงก็คือมัวแต่ไปค้นคว้าเรื่องเกี่ยวกับการทำเว็บ การค้นคว้าทำให้ต้องใช้เวลาไปกับการอ่านข้อมูลต่างๆ อย่างน้อย บล๊อคสำหรับเขียนไดอารี่ซึ่งกำลังใช้งานอยู่นี้ก็เป็นผลผลิตของการค้นคว้า

โปร เจ็ค sawasdeephoto  เป็นโปรเจ็คริเริ่มโดยหุ้นส่วนสามคน ก็คือตัวผมเอง กับ ปาโกะและพี่โรจน์ จากการพูดคุยกันสองครั้งยาวๆทำให้เริ่มประติดประต่อโปรเจ็คนี้จนเริ่มมอง เห็นภาพ การกำหนดเป้าหมายเริ่มชัดเจนขึ้นว่าเราจะพัฒนาเว็บขึ้นมาเพื่อทำการขายรูป โดยมีจุดเด่นในการค้นหาภาพที่ต้องการจากกลุ่มคำต่างๆ การทำงานจะคล้ายกับเซิร์จเอนจิ้นตัวหนึ่ง แต่จะเป็นเครื่องมือค้นหาที่เน้นการหารูปภาพ ซึ่งรูปภาพเป็นภาพที่ผมได้เคยถ่ายสะสมไว้มานาน และจะทะยอยถ่ายภาพเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

 

สามวันก่อนได้คุยกับเพื่อนอีกคน หนึ่ง(เขียด) ผมเล่าให้เพื่อนฟังว่าผมกำลังจะทำอะไร ผมสร้างเว็บตัวอย่างสำหรับสาธิตแล้วให้เพื่อนหลายๆคนลองเล่นดู เขียดได้ลองเล่นและเข้าใจหลักการ และก็มีความเห็นที่ดีกลับมาประเด็นหนึ่งที่ยอดเยี่ยมมาก ก่อนจะหลุดออกมาเป็นความเห็นที่ดี ก็ผ่านการถามตอบต่างๆไปตามปกติ เขียดถามถึงจุดเด่นของเว็บ ดีกว่าการหาภาพจากกูเกิ้ลหรือไม่ ซึ่งคำตอบก็คือไม่ดีกว่า อย่างไรเสียกูเกิ้ลที่เป็นยักษ์ใหญ่แห่งการค้นหาก็น่าจะทำได้ดีกว่าในหลายๆ แง่มุม แต่เขียดก็อุตส่าห์ช่วยหาที่ยืนในเวทีเซิร์จเอนจิ้นให้จนได้ สิ่งทีึ่โปรเจ็คนี้ควรจะทำก็คือการค้นหาภาพที่ดีในแบบที่กูเกิ้ลไม่ได้ทำ อย่างเช่น ถ้าต้องการหาภาพหมา จะไปหาในกูเกิ้ลก็คงได้ภาพหมาสักสองล้านภาพ แต่ก็คงเป็นภาพที่คาดหวังอะไรได้ไม่มาก แต่ถ้ามาหาภาพหมาใน sawasdeephoto   ก็จะได้ภาพหมาที่สวยงาม เน้นภาพสวย หรือมีหมาครบทุกสายพันธ์ุ ไอเดียนี้ทำให้เว็บตัวใหม่สามารถเป็นทางเลือกที่ดีกว่ากูเกิ้ลได้ ยอดเยี่ยม ขอนำกลับไปต่อยอด 

 

เว็บขายภาพกำลังตั้งไข่

 

ในช่วงสามปีที่ผ่านมา แม้ว่าผมจะไม่ค่อยได้ถ่ายรูปอะไรมากนัก แต่ก็ได้มีโอกาสขุดรูปเก่าออกมาใช้ประโยชน์ หลายๆภาพถูกนำมาใช้ทำโบรชัวร์ทางธุรกิจ มีคนติดต่อซื้อ ผมก็เอาออกมาขาย ทำเงินได้หลายหมื่นอยู่ ไม่คิดว่าจะเป็นช่องทางที่ทำเงินได้จริง แต่มันคือความจริง

เพื่อนคนที่อยู่ในวงการกราฟิคเสนอให้ลองทำเว็บ ขายภาพ ผมคุยกับเพื่อนมาหลายปีแต่ไม่ได้เริ่มต้นเพราะไม่คิดว่าจะเป็นไปได้ แต่พอเริ่มขายได้ เริ่มขายได้บ่อยโดยที่ยังไม่ได้ทำเว็บอะไรเลย ผมก็เลยต้องเชื่อสิ่งที่เพื่อนเคยพูดไว้ สุดท้ายเลยรวมหัวกันเปิดเว็บให้ได้ ซึ่งถือได้ว่าเป็นการเริ่มต้นธุรกิจอีกตัวหนึ่งที่ผมมีสินค้ารอขายอยู่แล้ว เข้าท่าไหม?

 

จากการตัดสินใจที่จะทำเว็บ ผมก็เริ่มหาความรู้เกี่ยวกับการทำเว็บ จากที่ไม่เคยเขียนเว็บอะไรอย่างจริงจัง ก็ได้ลองทำ ซื้อหนังสืออ่านอยู่หลายเล่ม ขอความรู้จากเพื่อนในอินเทอเน็ตหลายคน เลยพอจะรู้คร่าวๆว่าทำเว็บไม่ใช่เรื่องยาก ซึ่งอย่างน้อยที่สุด พื้นที่เขียนบล๊อคแห่งนี้ก็เป็นผลพลอยได้จากการหาความรู้แค่ไม่กี่ชั่วโมง จะบอกว่ายากได้อย่างไร

 

เว็บขายภาพในโลกนี้มีหลายเว็บ แต่เว็บที่ผมคิดว่าใหญ่และดีที่สุดคือ gettyimages ลูกค้าเคยให้ผมออกแบบสิ่งพิมพ์ให้และได้เลือกใช้ภาพของเว็บยักษ์ใหญ่รายนี้ ผมไม่กล้าคิดว่าผมจะทำงานใหญ่ไปชนกับเขาได้ แต่ก็ต้องลองกันดูสักยก ซึ่งผลลัพธ์ไม่มีคำว่าแพ้อยู่แล้ว มีแต่คำว่าเราแบ่งส่วนทางธุรกิจจากเขาได้แค่ไหนต่างหาก 

 

ไม่อาจจะหยั่งรู้

เธอคือนางในนิยาย คือดวงดาวพร่างพราย คือจินตนาการอันกว้างไกล

เธอคือความจริงที่เจอ คือความงามเลิศเลอ คือแรงบันดาลในหัวใจ

 

แต่มองดูแล้วเธออยู่ไกลแสนไกลห่าง ดูแล้วทุกอย่างมันสูงเกินไป

ดังฟ้าที่กว้างและสูงจนเกินกว่าจะเข้าใจ ไม่อาจจะหยั่งรู้

 

เราคือคนบนพื้นดิน ยังคงยืนบนพื้นดิน ความจริงเราคงลืมคิดไป

ดวงดาวดูงามเหลือเกิน มองไปในใจเพลิดเพลิน คงเป็นความงามที่ใจ

 

เมื่อมองดูแล้วเธออยู่ไกลแสนไกลห่าง ดูแล้วทุกอย่างมันสูงเกินไป

ดังฟ้าที่กว้างและสูงจนเกินกว่าจะเข้าใจ ไม่อาจจะหยั่งรู้